www.tgcthailand.com
0-2549-8304 , 08-1344-2237
ลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองโดยอัตโนมัติ เมื่อสร้างสรรค์
ซอฟต์แวร์ขึ้นมาและไม่ต้องดำเนินการเพื่อขอรับความคุ้มครองเพียงแต่ดำเนินการจดแจ้งเพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น
โดยสิ่งที่จะได้รับความคุ้มครองคือ
ตัวโค้ด (Code) ของ ซอฟต์แวร์นั้นในลักษณะของผลงานวรรณกรรม
กล่าวคือคุ้มครองเฉพาะตัวโค้ด (Code) ที่ได้แสดงออกมา (Expression)
แต่ไม่ได้รับความคุ้มครองไปถึงแนวคิด หรือ ลักษณะการทำงาน ของ
ซอฟต์แวร์นั้น เช่น
หากผู้สร้างสรรค์รายอื่นทำซอฟต์แวร์ที่มีลักษณะการทำงานเหมือน MS-WORD ขึ้นมาโดยการเขียน ตัวโค้ด (Code)
ขึ้นมาใหม่ จะไม่ถือเป็นการละเมิดเพราะไม่ได้ทำซ้ำหรือดัดแปลง
ตัวโค้ด (Code) ดังนั้นจึงมีความพยายามที่จะนำผลงานดังกล่าวมาจดทะเบียนเป็นสิทธิบัตร
เนื่องจากจะได้รับความคุ้มครองในส่วนของแนวคิดและลักษณะการทำงาน
ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถนำ
ซอฟต์แวร์ที่มีแนวคิดและลักษณะการทำงานอย่างเดียวกันนี้มาใช้ได้ แม้ว่าจะเขียน
ตัวโค้ด (Code) ที่แตกต่างกันขึ้นมาก็ตาม
อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาอุปสรรคสำหรับการนำเสนอการประดิษฐ์ต่อ
สำนักงานสิทธิบัตรในประเทศไทย เนื่องจาก พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.
๒๕๒๒แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. สิทธิบัตร (ฉบับที่ ๓)พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ กำหนดว่า
การประดิษฐ์ “ระบบข้อมูลสำหรับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์”
ไม่ได้รับความคุ้มครอง
สำนักงานสิทธิบัตรในประเทศไทย
( Thai Patent
Office) ได้ยอมรับคำขอที่เป็นการประดิษฐ์ที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ (Software-Related Invention ) คือเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่มีซอฟต์แวร์เป็นตัวควบคุมแต่จะไม่ยอมรับการประดิษฐ์ที่เป็นซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ถูกบันทึกลงบนตัวกลางและการประดิษฐ์มีเพียงแหล่งรหัสต้นกำเนิด
(Source Code) ซอฟต์แวร์ ที่อยู่ในรูปแบบหรือขั้นตอนวิธี
หรือ อัลกอริทึม (Algorithm) ที่ไปควบคุมการทำงานของอุปกรณ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์อาจขอรับความคุ้มครองได้
หากขั้นตอนวิธี หรือ อัลกอริทึม (Algorithm) ทำให้เกิดผลทางเทคนิค
(Technical Effect)
สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น
ยอมรับและออกสิทธิบัตร เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ โดยมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปคือ
สำนักสิทธิบัตรยุโรป
( European
Patent Office) ยอมออกสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่มีลักษณะทางเทคนิค
(Technical Effect) โดย
ซอฟต์แวร์ที่ถูกบันทึกลงในสื่อกลางจะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่ถ้า
ซอฟต์แวร์นั้นก่อให้เกิดผลทาง เทคนิค (Technical Effect) กับ
เครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างเช่นระบบประมวลผลข้อมูลทั่วไปที่มีหน่วยความจำเล็ก
ทำงานเร็ว และหน่วยความจำอีกหน่วยหนึ่งขนาดใหญ่กว่าแต่ทำงานช้ากว่าแต่
ซอฟต์แวร์ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทำให้หน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่นั้นทำงานได้เร็ว
เท่ากับหน่วยความจำขนาดเล็ก ซอฟต์แวร์นั้นอาจได้รับความคุ้มครองเนื่องจากมี
ผลเทคนิค (Technical Effect) ในส่วนของการแสดงข้อมูล (Presentation
of Information ) บนสื่อหรือไอคอน ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
ก็ไม่สามารถรับความคุ้มครองได้ เช่น เครื่องหมายที่แสดงถึงการเตือน สัญญาณเสียง
ตัวอักษรที่แสดงบนหน้าจอ แต่กระบวนการแสดงข้อมูลอาจขอรับความคุ้มครองได้
สำนักสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา
( US Patent
Office) ถือว่าการประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์
/ คอมพิวเตอร์
เป็นการประดิษฐ์ที่มีลักษณะทางเทคนิคและจะต้องให้ผลลัพธ์ที่มีประโยชน์ (Useful)
และจับต้องได้ ( Concrete and Tangible)
สำนักสิทธิบัตรญี่ปุ่น
( Japan Patent
Office) มีแนวทางการพิจารณาแบบเดียวกับสำนักสิทธิบัตรยุโรป
( European
Patent Office) คือการประดิษฐ์จะต้องเป็นการประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ก้าวหน้าของความคิดทางเทคนิค
(Advance Creation of Technical Idea)
แต่ทั้งสามประเทศจะไม่ออกสิทธิบัตรให้กับงานที่ไม่มีลักษณะทางเทคนิค
การเขียนคำขอสิทธิบัตรเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ในประเทศไทยเป็นเรื่องที่มีความยากระดับหนึ่งเนื่องจาก
สำนักงานสิทธิบัตรในประเทศไทยจะปฏิเสธรับคำขอที่จดทะเบียนเกี่ยวข้องกับระบบซอฟต์แวร์
ซึ่งจะต้องเป็นการเขียนคำขอที่ใช้คำศัพท์ทางเทคนิคอย่างสูงในการอธิบายและพยายามหลบเลี่ยงเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นเรื่องของซอฟต์แวร์เพื่อจะทำให้
สำนักงานสิทธิบัตรในประเทศไทยดำเนินการจดทะเบียนให้
หมายถึงว่าจะต้องเขียนคำขอรับสิทธิบัตรให้เป็นเรื่องของการประดิษฐ์ที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์
(Software-Related
Invention ) เช่นสิทธิบัตรเลขที่ 14333
เครื่องนับครั้งการใช้โทรศัพท์ เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น